วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มองโลกในแง่ดี



 "เป็นยังไงบ้าง จีบน้องเจี๊ยบไปถึงไหนแล้ว"

นิรุตต์ยิ้มอย่างมีความสุข

"ก็ไม่เลวนัก" เขาตอบ

"ตอนนี้ผมชักจะมีกำลังใจขึ้นมาแล้ว"

"จริงรึ" เพื่อนถาม

"เธอเริ่มยิ้มหวานให้คุณแล้วเหรอ"

"ก็ไม่เชิงทีเดียว" นิรุตต์ตอบ

"แต่เมื่อคืนเธอพูดกับผมว่า เธอขอบอกว่า 'No' เป็นครั้งสุดท้าย"

เมื่อใครสักคนบอกกับคุณว่า 'No' เป็นครั้งสุดท้าย คุณคงคิดว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ทางออกที่เหลืออยู่คือหาคนใหม่ แต่สำหรับนิรุตต์ เขากลับมองว่า ต่อแต่นี้ไปก็จะมีแต่คำว่า 'Yes' เท่านั้น หญิงสาวผู้นั้นจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่นิรุตต์เลือกที่จะมองแบบนี้ เพราะนั้นทำให้เขามีความหวังต่อไป และมีความสุขอยู่ได้

เวลาเกิดปัญหาขึ้นมาในชีวิต เรามีทางเลือกอย่างน้อยสองทาง คือทุกข์ กับไม่ทุกข์ ถ้าเราหลับหูหลับตาเอาปัญหานั้นมาทิ่มแทงจิตใจตัวเอง เราก็ทุกข์สถานเดียว แต่ถ้าเรารู้จักมอง เราก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ทุกข์ได้

ใคร ๆ ก็ทุกข์เพราะเศรษฐกิจตกสะเก็ด แต่เราอาจไม่ทุกข์ก็ได้หากมองว่า ความเป็นอยู่ตอนี้ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนโน้น นึกถึงตอนเด็ก ๆ ต้องเดินไปโรงเรียน โทรทัศน์สีก็ไม่มีดู ผิดกันไกลกับสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้

หรือถึงวันนี้เราจะแย่ แต่ก็ยังดีกว่าอีกหลาย ๆ คนที่หนักสาหัสกว่าเรา ไม่ต้องมองไปไกลถึงอินเดีย หรือแอฟริกา แค่คนที่อยู่หลังกำแพงบ้านเรา เรายังสบายกว่าเขามากมายนัก

มีใครคนหนึ่งเคยพูดว่า "ตอนเป็นเด็ก ดิฉันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร อยากได้รองเท้าคู่ใหม่ แต่ก็หยุดร้องไห้ ทันทีเมื่อแม่ขี้ให้ดูเด็กคนหนึ่งซึ่งไม่มีแม้แต่เท้าที่จะเดิน"

เมื่อหลุดออกจากออกจากความทุกข์ของตน หันไปมองความทุกข์ของคนอื่นบ้าง เราจะรู้สึกว่าโชคดีขึ้นเยอะ เช่นเดียวกับเด็กสาวที่รู้สึกโชคดีที่ยังมีเท้าเดิน การไม่มีรองเท้าใส่กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลย

แน่นอน เป็นไปได้ว่าตอนนี้คุณอาจทุกข์แบบสุด ๆ ก็ได้ แต่อะไรก็ตามที่ถึงขีดสุดแล้วมันก็ต้องลงต่ำ ทำนองเดียวกับหญิงสาวที่บอก 'No' เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งต่อไปก็ต้องเป็น 'Yes' มิใช่หรือ อาทิตย์เมื่อขึ้นถึงกลางฟ้า แผดความร้อนอย่างถึงที่สุดแล้ว วินาทีต่อมามันก็ต้องคล้อยต่ำจนลับขอบฟ้าในที่สุด เพราะฉะนั้นทุกข์แบบสุด ๆ ขณะนี้ก็ดีไปอย่าง เพราะนับแต่นี้ต่อไป มันก็มีแต่จะดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมองเท่าไรแล้วก็ยังมองไม่เห็นแง่ดี หรือเกิดกำลังใจมากขึ้นเท่าไร คุณลองใช้อุบายอย่างชายคนข้างล่างนี้ เห็นทีจะได้ผลแน่



พิชัยเห็นเพื่อนเก่าเดินกะเผลกมาแต่ไกล เลยถาม

"เป็นอะไรหรือ ทำไมถึงกะโผลกกะเผลกแบบนี้"

"ก็จะอะไรเสียอีก รองเท้าคู่นี้น่ะซี มันกำลังจะฆ่าฉันอยู่แล้ว"

"แล้วใส่มันทำไมล่ะ" พิชัยถาม

"นี่ฉันจะบอกให้ ธุรกิจฉันกำลังย่ำแย่ ฉันเป็นหนี้ธนาคาร ติดไฟแนนซ์ บ้านกำลังจะถูกยึด ลูกสาวสองคนก็ทึนทึก ไม่รู้จะมีใครมาขอแต่งหรือเปล่า ส่วนเจ้าลูกชายก็เอาแต่เที่ยว งานการไม่สนใจ อยู่ที่ทำงานก็มีแต่ปัญหาร้อยแปด กลับมาบ้านก็ต้องมาเจอเมียขี้บ่น บ่น บ่นจนฉันแทบจะเป็นบ้า อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป…เฮ้อออออ"

 "แต่พอฉันถอดรองเท้าสัปรังเคคู่นี้ออก…แกเอ๋ย สุขอะไรอย่างนี้ เป็นสุขอย่างเดียวที่ฉันมีอยู่ตอนนี้เลยว่ะ"

 ของฝากก่อนไปหาหมอ..จากพี่เณรชิต


ที่มา มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ



จงถามตัวเองทุกๆวันว่า


จงถามตัวเองทุกๆวันว่า
...เกิดมาเพื่ออะไร ตายไปแล้วจะไปไหน ที่มาอยู่ที่นี่ ต้องการอะไร ตายไปแล้วจะเอาอะไรไปบ้างขณะนี้ที่อยู่อยู่แล้วมีความทุกข์หรือสุขถ้าสุข สุขจริงๆไหม ถ้าทุกข์ ทุกข์จริงๆไหม เราจะสุขเพื่ออะไรใครจะรู้บ้าง เราจะทุกข์ เพื่ออะไร ใครจะรู้บ้าง (ความทุกข์ตามธรรมดานั้นมันมีอยู่เต็มเปี่ยมแล้วตามธรรมชาติ แต่ความสุขนั้นมันมาแทรกเรื่อยๆดันทุกข์ไว้ จึงมองไม่เห็นทุกข์ในขณะนั้น แต่ จงรู้ไว้นั่นมันปนทุกข์เมื่อความสุขนั้นเข้ามามันอยู่ไม่ทนมันไม่เที่ยงความ สุขมันจะค่อยๆหายจนในที่สุดความทุกข์มันก็เข้ามาแทนที่ ของมันเองตราบใดที่เรายังหลง ความทุกข์นั้นเป็นของเที่ยงแท้แน่นอนเราไม่อยากได้แต่มันยังอยู่ ส่วนเจ้าตัวความสุขนั้นเราต้องแสวงและค้น อย่างไม่มีที่สิ้นสุดถึงจะได้มา ส่วนความทุกข์เราไม่ต้องการมันดันอยู่ ของมันเต็มเปี่ยมไม่หนีไปไหนไม่ต้องแสวงมันอยู่ของมันอยู่แล้วรออยู่ ทุกข์ เป็นของเที่ยงสำหรับมนุษย์ทุกคนตราบใดที่ยังหลง ในวังวนนี้ ทุกข์เป็นตัวตั้ง ความสุขเป็นตัวแปรความสุขนั้น มันสุขไม่เที่ยง ทุกข์ เป็นของเที่ยงแท้ไม่หายไปไหนคงอยู่ตลอดของมันเอง แต่ความสุขมันลดหายไปได้ตามวันและเวลาผ่านไปกลายเป็นทุกข์อย่างเดิมแพ้มัน ทุกทีเมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วจงปล่อยความทุกข์และสุขออกไปจากใจ เหลือไว้แต่ความสบาย เฉยๆก็คือ  ดูเฉยๆ ฟังเฉยๆ สัมผัสเฉยๆ โกรธเฉยๆ สบายเฉยๆ หิวก็หิวเฉยๆ เหม็นก็เหม็นเฉยๆ
สุขก็เฉยๆ ทุกข์มาก็เฉยๆ   อะไรๆก็เฉยๆ คิดได้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ขอให้ทุกท่านจงสุขเฉยๆเถิด
ฝากตรงนี้นิดครับสำคัญมากครับ
...นอนเฉยๆ ตื่นเฉยๆ ชั่วเฉยๆ แล้วก็ตกนรกเฉยๆ ผิดศีลเฉยๆยังงี้ไม่ได้ได้นะครับ
 เพราะเฉยๆตรงนี้ใจทุกข์จริงไม่ทุกข์เฉยๆนะครับ เพราะเฉยๆอย่างนี้จิตมันไม่สะอาดครับ
เพราะมันจะทำให้จิตเราตกไม่เฉยๆจริงครับ ต้องเฉยๆในสิ่งที่ที่ดีที่งามจึงจะได้ผลถึงจิตแท้ครับ


มงคล38

เสียงธรรม มงคลชีวิต 38 ประการ
โดย พระธรรมวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตวณฺโณ)
วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพฯ

มงคลที่ 1.ไม่คบคนพาล
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน

มงคลที่ 2.การคบบัณฑิต
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้ 
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา

มงคลที่ 3.การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ

มงคลที่ 4.การอยู่ในถิ่นอันสมควร
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล 

มงคลที่ 5.เคยทำบุญมาก่อน
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก 

มงคลที่ 6 การตั้งตนชอบ
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา

มงคลที่ 7 ความเป็นพหูสูต
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี

มงคลที่ 8 การรอบรู้ในศิลปะ
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ 

มงคลที่ 9 มีวินัยที่ดี
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย
คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา
เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ

ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก
ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ
ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน

มงคลที่ 10 กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเลลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง

มงคลที่ 11 การบำรุงบิดามารดา
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง

มงคลที่ 12 การสงเคราะห์บุตร
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์

มงคลที่ 13.การสงเคราะห์ภรรยา
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทงผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย

มงคลที่ 14.ทำงานไม่คั่งค้าง
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ

มงคลที่ 15.การให้ทาน
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน 

มงคลที่ 16.การประพฤติธรรม
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี 

มงคลที่ 17.การสงเคราะห์ญาติ
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ 

มงคลที่ 18 ทำงานไม่มีโทษ
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน

มงคลที่ 19 ละเว้นจากบาป
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย 

มงคลที่ 20 สำรวมจากการดื่มน้ำเม
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน 

มงคลที่ 21 ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน

มงคลที่ 22 มีความเคารพ
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง 

มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย

มงคลที่ 24 มีความสันโดษ
ความสันโดษ พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี

มงคลที่ 25 มีความกตัญญู
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน

มงคลที่ 26 การฟังธรรมตามกาล
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร 

มงคลที่ 27 มีความอดทน
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล

มงคลที่ 28 เป็นผู้ว่าง่าย
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา 

มงคลที่ 29 การได้เห็นสมณะ
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

มงคลที่ 30 การสนทนาธรรมตามกาล
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร

มงคลที่ 31 การบำเพ็ญตบะ
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข ฌาณโกลีย์

มงคลที่ 32 การประพฤติพรหมจรรย์
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ์
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคล

มงคลที่ 33 การเห็นอริยสัจ
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร 

มงคลที่ 34 การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก

มงคลที่ 35 การมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ 

มงคลที่ 36 การมีจิตไม่โศกเศร้า
คราวพลักพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง 

มงคลที่ 37 มีจิตปราศจากกิเลส
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม 

มงคลที่ 38 มีจิตเกษม
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร 

อ่านแล้วปวดหัว

ไม่ใช่ว่าเราไม่เคารพในความคิดเห็นของคนอื่นๆ  หรือไม่ฟังและไม่คิดตามในข้อความของเขา  แต่อ่านแล้วคิดแล้วมันปวดหัวจริงๆครับท่าน  .ด้วยความเคารพในความที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  และยังนับถือศาสนาเดียวกัน  จึงขออณุญาติวิจารณ์ในหมู่มนุษย์สมองฝ่อทั้งหลาย  และบัญฑิตหมาหางด้วนทั้งหลาย  เพราะเราคิดจนมากมายเกินไป  แต่ขาดการกระทำที่ทำลงไปจริงๆ  ด้วยหัวใจ  มันจึงแตกแขนงในมุมมองของความคิดช่างมากมายเหลือเกิน  กระผมขอถามหน่อย  เคยนั้งสมาธิกันหรือเปล่า  แล้วเคยคิดกันบ้างไหม  ในขณะนั้งมันเกิดอะไรขึ้น  ทุกค่ายทุกสำนักไม่ว่าจะเป็น  พุทธโท  สัมมาอะรัง ยุบหนอพองหนอ  อนาปาณสติ  หรืออะไรก็ตาม  ในขณะที่กำหนด  ใจของท่านอยู่ที่ไหน ความรู้สึกของท่านอยู่ที่ไหน  แล้วความรู้สึกในขณะนั้นที่กำหนดมีอะไรแทรก  ท่านเห็นความว่างหรือความไม่มีอะไรหรือเปล่าในขณะนั้น  ท่านอย่าคิดและวิจารณ์นะ  เพราะท่านแค่จะคิดท่านก็ผิดแล้ว  ..กระผมจึงถามท่านทั้งหลายว่า  แล้วในสิ่งที่เราคิดเราแสดงมันคืออะไร  ถูกต้องแล้วหรือ  ควรหาเวลาว่างนั้งนิ้งๆบ้าง  เผื่อมันจะเกิดประโยชน์กับมุมมองบ้างในตัวเรา  อุปทานที่เกิดจากความไม่รู้จะได้ผ่อนคลายลงบ้าง  และยังจะเป็นประโยชน์ในการแสดงธรรม  และแสดงความคิดเห็น  ในบริบทของธรรมมะ  ไม่เพี้ยนให้มันมากเกินไป   กราบขออะภัยนะครับวันนี้มาแรง.....ไม่ต้องอะไรมากดอกในการรู้ธรรมมะ  ถ้ารู้แล้วมันเริ่มปลงตกได้  ในความโลภโมโทสันต์ต่างๆ  นั้นแหละคือธรรมมะ....ถ้ารู้แล้วไม่ตำหนิคนอื่นๆไม่โต้แย้งจนเกินเลย  นี้ก็ธรรมมะ  เชื่อเถอะครับความรู้ที่เรามาดมั้นนั้น  มันมิได้มีจริงและเป็นจริงดั้งเราคิดและรู้เลยแม้แต่ข้อความเดียว  มันเป็นแค่เพียงหลักเมตตาธรรมที่พระพุทธองค์ทรงอนุเคราะแก่ผู้ที่ไม่รู้ก็เท่านั้น ......เมื่อรู้ถึงที่สุดมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องพูด  และถ้าทำได้ตามที่รู้จนเปลี่ยนสันดานตัวเองได้แล้ว  มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำ.....รู้ก็เป็นอีกอย่าง  กระทำได้จนถึงที่สุดในความรู้ ก็เป็นอีกอย่าง.....แต่มนุษย์นั้นเป็นบัวสี่เหล่า  แต่ละเหล่านั้น จะคิดและวิจารณ์  และแสดงออกก็ไม่เหมือนกัน   อันนี้ก็ต้องทำใจครับ  ....ปฎิจจสมุปบาท  เป็นหลักวิชาการที่สมบูรณ์สูงสุดในพุทธศาสนา  ผู้ใดคิดแล้วคิดอีกๆๆๆ...จนหนึ่งผุด  ผู้นั้นจะไม่โต้แย้งใครเลย และจะไม่สงสัยในตัวเราชีวิตของเราเลย    ..การกระทำจะค่อยๆเป็นไปตามลำดับ  มันอัจศจรรย์จริงๆนะครับแค่คิดในหลักการของปฎิจสมุปบาท  เราก็รู้ทะลุถึงสามโลกเลย  นี้แค่ผลของความคิดนะครับ  มันสิ้นสงสัยในกระบวนการของความคิดทันที  ไม่รู้อะไรเลยก็ดีเหมือนกันนะครับปวดหัว.....แล้วจะมาใหม่.......สัมมาทิฎฐิ......

ครูมืออาชีพ


ตำนานกาพย์เห่เรือ


วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นางสาวจิราวรรณ  เพชรรัตน์
คณะครุศาสตร์  สาขาวิชาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศณีธรรมราช
e-mail : oil.petcharat@gmail.com

จินตลีลาในบทเพลงใกล้รุ้ง





มิตรภาพคำว่าเพื่อน




 เพื่อนช่วยเพื่อนตลอดไปได้เสมอ เพื่อนจะเผลอเพื่อนจะพลาดซักแค่ไหน ความเป็นมิตรยังติดอยู่คู่แรงใจ         
ให้ก้าวไปในสิ่งที่ต้องการ
เพื่อนจะทุกข์เสียน้ำตาและร้องไห้
ความห่วงใยที่มีนั้นยังคอยสาน
ประกอบใจของเพื่อนนี้ที่ร้าวราน
พาพ้นผ่านความทุกข์ช้ำที่ค้ำใจ
แม้เวลาเนิ่นนานผ่านจากนี้
แต่สิ่งดีจะยังอยู่ไม่หวั่นไหว
ถึงเวลาจะผ่านนานเท่าไร
แต่จิตใจมีเพื่อนตลอดมา
จะไม่ลืมเพื่อนคนนี้ชั่วชีวิต
อยู่เป็นมิตรคอยดูแลและรักษา
ให้ความรักคงอยู่ตลอดเวลา
มิตรภาพจะล้ำค่าตลอดไป 


คนเราย่อมมีสิทธิ์เลือก

• ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบาก
ทุกวินาทีคือความเป็นไปได้
ที่จะคิดผิด พูดพลาด ประสาอะไรกับการเผลอทำเรื่องโง่เขลา 

• อย่าตอกย้ำซ้ำเติมตัวเอง
กับความผิดพลาดที่โง่เขลาในอดีต
แต่ให้หมั่นถามตัวเองว่า
บทเรียนที่ผ่านมา
สอนอะไรให้เราฉลาดขึ้นได้ในปัจจุบัน

• การใช้นาทีนี้ไปเพื่อคิดถึงความหลังที่ผิดพลาด
คือการทิ้งโอกาสระลึกถึงความถูกต้องในวันนี้

• คนที่แพ้
คือคนยอมจมอยู่กับอดีต
ที่น่าผิดหวังและหมดทางแก้ไ
ส่วนคนชนะ
คือคนใจสู้ผู้จดจ่ออยู่กับความหวัง
และจัดการได้จริงในปัจจุบัน

- หากฝึกทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้ดี
ชีวิตของคุณจะมีแต่ดีกับดี
ใครต่อใคร โดยเฉพาะตัวคุณเอง
จะพลอยนิยามชีวิตของคุณได้ง่ายด้วย

นั่นคือ
คุณมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะโตขึ้น
แข็งแกร่งขึ้น และชนะมากขึ้น

- ทุกคนเกิดมาในสภาพของเด็กแบเบาะที่งอมืองอเท้า
เอาแต่รบกวนคนอื่น
ด้วยวิธีแหกปากเรียกร้องความสงสาร
แต่น้อยคนจะโตขึ้น
เพื่อยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเต็มร้อย
และขวนขวายใช้มือไม้ช่วยเหลือตัวเอง
โดยไม่ต้องเหลียวซ้ายแลขวาหาใคร

- คนที่โตขึ้นและพึ่งพาตนเองได้เท่านั้น
ที่อาจฉุดคนล้มรอบกายให้ลุกขึ้นได้ตามตน
คุณจะมีชีวิตเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่มีชีวิตเพื่อหาที่พึ่